หุ้น STARK กับงบการเงิน...?!?

12 เม.ย. 2566 | 00:00 น.

หุ้น STARK กับงบการเงิน...?!? คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

*** การที่หุ้น STARK ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP หรือการห้ามซื้อขายหุ้นชั่วคราวยังไม่น่ากลัวเท่ากับความเสี่ยงที่เงินของนักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อย รวมถึงกองทุนหลายกองของค่ายบัวหลวง อาจสูญหายไปทั้งหมดหาก STARK ไม่สามารถส่งงบการเงินได้ จนเป็นสาเหตุให้ถูกเพิกถอนออกไปจากตลาด เพราะผ่านไปเดือนแรกมันก็ยังพอทำใจยอมรับได้...แต่การขอต่อเวลาเลื่อนส่งงบประจำปี 65 ไปเป็นวันที่ 21 เม.ย. มันเหมือนกับการเปิดแผลให้เห็นว่าน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ จนอดไม่ได้ที่จะทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตของหุ้น GC 

ทวนความจำกันหน่อย… อย่าลืมว่าหลายปีที่ผ่านมา STARK สร้างตัวเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดี และคิดใหญ่ทำใหญ่จนเข้า SET 50… แต่พอสะดุดขาตัวเองล้มด้วยเรื่องงบปี 65 เพียงนิดเดียว กลับทำให้เกมเปลี่ยนไปทุกอย่าง

เริ่มจากกลุ่ม นายวนรัชต์ ตั้งคารวะคุณ เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจงของ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM ในปลายปี 2561  ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ และเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 94% ของทุนจดทะเบียน ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น STARK

โดยปี 2563 STRAK มีผลกำไรสุทธิ 1,608.66 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิ 2,783.11 ล้านบาท งวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 2,215.47 ล้านบาท แต่อยู่ดีดีปี 65 กลับไม่สามารถที่จะส่งงบการเงินซะอย่างงั้น สาเหตุหลัก อาจมาจากการเปลี่ยนผู้สอบบัญชีจาก บริษัทดีลอยท์ เป็น บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส 

รวมถึงการออกหุ้นกู้มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในบริษัท LEONI AG และ LEONI Bordnetz-Systeme GmbH และหุ้น LEONI Kabel GmbH มูลค่า 20,588.90 ล้านบาท ก่อนที่จะล้มเลิกไปไปภายหลัง 
งานนี้ ถ้าส่งงบทันก็อาจจะเจ็บกันน้อยหน่อย เพราะปัญหาอาจจะมีแค่ราคาหุ้นร่วง เพราะมีแต่คนอยากหนี แต่ถ้าส่งงบไม่ได้งานนี้ดูไม่จืดจริงๆ...

ล่าสุด ยิ่ง CEO ก็ลาออก มันน่าแปลกไหม๊ล่ะ… จะเหลือก็แต่ประธานกรรมการที่เย็นสุดใจ ซึ่งยังไม่ลาออก และยังคงแบกหน้ารับภาระอยู่ ไม่รู้งานนี้เข้าตำราสุภาษิตอะไร ?!?

*** ราคาซื้อขายสูงที่สุดในรอบปีทะลุ 1 ล้านบาทต่อเหรียญบิทคอยน์ ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์เริ่มขยับราคาสูงขึ้น เด่นที่สุดในกลุ่มน่าจะเป็น ZIGA ของเสี่ยหนุ่ย “ศุภกิจ งามจิตรเจริญ” แน่นอนว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะราคาซื้อขายบิทคอยน์ที่ปรับดีขึ้น เนื่องจากเสี่ยหนุ่ยยืนยันมาตลอดว่าบิทคอยน์ของ ZIGA ที่ขุดได้มาทั้งหมดยังไม่ได้ถูกขาย เพราะที่ผ่านมาราคาต่ำเกินกว่าที่จะรับได้ ส่วนเรื่องที่สองก็คือ เหมืองขุดบิทคอยน์ของ ZIGA อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอด ที่ผ่านมาเพียงแค่ปิดเอาไว้ชั่วคราว แต่เมื่อราคาบิทคอยน์ดีขึ้นก็พร้อมที่จะเปิดขุดได้ตลอดเวลา 

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองให้ลึกลงไป เรื่องบิทคอยน์ของ ZIGA อาจเป็นแค่กิมมิคที่เอาไว้พูดถึงเพื่อใช้ดันราคาหุ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าสถานะปัจจุบันของ ZIGA ยังมีภาระที่มาจากเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ แต่ยังไม่ถูกนำมาสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ตลอด 

ขณะเดียวกันธุรกิจค้าเหล็กซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ ZIGA ก็มีปัญหาการขาดทุนในปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าใครชอบหุ้นตัวนี้อาจจะต้องพิจารณาให้ดี หุ้นแบบนี้เล่นรอบได้...แต่ถือยาวยังไม่ได้ เพราะถ้าพลาดอาจจะเจ็บตัวไม่น้อยเจ้าค่ะ

*** นับตั้งแต่ หมอปุย พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ตัดขายหุ้น ONEE ที่ถืออยู่ออกมา 357 ล้านหุ้น คิดเป็น 15% จากเดิมที่มีอยู่ 40% ในวันที่ 14 ธันวาคม 65 ทำให้ราคาหุ้นของ ONEE ปรับลงต่อเนื่องจนราคาปัจจุบันอยู่ 5.50-5.60 บาท ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปี ต่ำกว่าราคา 8.50 บาทที่หมอปุยขายไปอยู่ถึง 3.00 บาท 

และแม้ว่าเหตุผลของการขายในวันนั้นจะเป็นไปเพื่อทำให้ฐานผู้ลงทุนประเภทสถาบันและผู้ถือหุ้นรายย่อยกระจายตัวมากยิ่งขึ้น แต่ผลการดำเนินงาน 4/65 มีกำไร 145 ล้านบาท โดยมีรายได้ต่ำที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส ขณะที่ภาพรวมของปี 66 ทั้งปีก็ยังดูไม่ค่อยจะดีนัก ได้กลายเป็นบทสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า ทำไมหมอปุยจึงยอมลดสัดส่วนในการถือหุ้นจาก 40% ลงมาอยู่ที่ 25% โดยการตัดขายที่ราคา 8.50 บาทต่อหุ้น ในวันก่อนที่จะสิ้นสุดไตรมาสที่ 4/65 ทั้งที่ราคาหุ้นในวันที่ 13 ธันวาคม 65 ปิดตลาดที่ 9.30 บาท/หุ้น ก่อนที่หมอปุยจะขายบิ๊กล็อตในวันที่13 ธันวาคม 65  ประมาณว่าขายเอาเงินไว้ก่อนอย่างอื่นค่อยมาว่ากันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากก็แค่ขายก่อน...ได้เปรียบกว่า ก็เท่านั้นเอง 

*** แม้ว่าราคาหุ้นของ KEX จะปรับขึ้นมาจากราคา 14.80 บาท ซึ่งราคาหุ้นที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ ก่อนที่จะปรับราคาดีขึ้น แต่ด้วยเกมธุรกิจในรูปแบบของการทุ่มตลาด สร้างรายได้ด้วยการลดค่าบริการเพื่อให้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด แม้จะทำให้มีรายได้ที่มากขึ้นแต่ผลกำไรที่ได้ก็ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นจนทำให้ความน่าสนใจแทบไม่เหลือ 

ขณะเดียวกัน ทรงกราฟราคาหุ้นของ KEX ก็ยังเดินไปในรูปแบบที่เรียกกันว่า Lower low ซึ่งกราฟเทคนิคในทรงนี้มีแนวโน้มที่ราคาหุ้นอาจจะยังจมลงไปได้อีกอย่างต่อเนื่อง แบบนี้เจ๊เมาธ์ก็ยังคงมองว่า KEX เป็นหุ้นที่ยังไม่น่าสนใจนัก เอาไว้ถ้ามีสัญญาที่ดีขึ้นมาจริง...เมื่อถึงวันนั้นเจ๊จะรีบป่าวประกาศให้รู้ทันที แต่ตอนนี้เว้นเอาไว้ก่อน...ทรงนี้ยังไม่สวยเจ้าค่ะ